ตัวละครหลัก
นักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเรียวเซ ที่ถึงแม้จะอายุ 22 ปีแล้วก็ตาม แม่ของเธอ อิซูมิยังคอยประคบประหงมตามติดชีวิต คอยตัดสินใจและควบคุมเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน รวมถึงเรื่องความรักด้วยเช่นกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอควบคุมไม่ได้คือการหางานให้คาโฮโกะ เธอได้ส่งใบสมัครงานไปยังบริษัทต่าง ๆ เกือบ 20 บริษัทแต่ก็ไม่มีบริษัทไหนรับเธอเข้าเลย นั่นทำให้เธอเริ่มสงสัยว่าคนเราจะทำงานไปเพื่อเหตุผลใดกัน จนคาโฮโกะได้พบกับนักศึกษาหนุ่มจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ ฮาจิเมะ ที่โดดเดี่ยวแต่แข็งแกร่งได้ชวนคาโฮโกะไปลองทำงานดูเป็นครั้งแรก
[9][7] จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทั้งคู่ค่อย ๆ สนิทกันจนทำให้คาโฮโกะตกหลุมรักเขาเป็นครั้งแรกอีกด้วยเช่นกัน
[10]แม้ว่าคาโฮโกะจะต้องมีแม่ของเธอคอยเป็นห่วงเป็นใย แต่เธอก็ยังเป็นคนที่ให้กำลังใจคนอื่นได้ด้วย อิโต เพื่อนของคาโฮโกะตั้งแต่วัยเด็ก ได้เข้าร่วมการแข่งขันประกวด
เชลโล ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ดีแต่อิโตที่ฝืนใช้ข้อมือเธออย่างหนักในการฝึกซ้อมเล่นเชลโลไม่ได้อีกต่อไป ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย คาโฮโกะจึงได้ไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และได้มอบ
นกกระเรียนกระดาษที่เธอและฮาจิเมะช่วยกันพับแก่อิโต แต่ด้วยทักษะการสื่อสารของคาโฮโกะที่ไม่ดีพอ ทำให้อิโตไม่พอใจและรู้สึกรำคาญ จนทำให้เธอต้องวิ่งออกไปหาฮาจิเมะให้ช่วยปลอบใจและร้องไห้ออกมาในที่สุดจนเธอเผลอหลับไป ทำให้ฮาจิเมะต้องแบกคาโฮโกะไปส่งเธอที่ห้องชุดของเธอ แต่พ่อและแม่ของเธอกลับมาเห็นเข้า
[11] ทำให้อิซูมิ แม่ของเธอรู้สึกว่าลูกของเธออาจได้รับอันตราย และด้วยอาชีพที่ไม่มั่นคงของเขาอาจทำให้คาโฮโกะต้องลำบากไปด้วย นั่นทำให้อิซูมิไม่ไว้วางใจฮาจิเมะและสั่งไม่ให้เธอไปพบกับเขาอีก แต่แล้วความลับของเธอถูกเปิดเผยจนทำให้คาโฮโกะและอิซูมิ แม่ลูกที่เคยรักกันต้องถึงจุดแตกหัก ในขณะที่คาโฮโกะกำลังโมโหอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอวิ่งไปหาฮาจิเมะในห้องทำงานศิลปะของเขาและบอกความรู้สึกในใจของเธอ
[10][12]จากที่เธอเคยแต่ให้แม่ตัดสินใจเลือกชุดที่จะใส่ในแต่ละวัน คาโฮโกะตัดสินใจที่จะสวมเสื้อผ้าใหม่ที่เธอซื้อมาเอง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นอิซูมิก็ยังคงต้องพาเธอไปส่งที่มหาวิทยาลัยเหมือนอย่างทุกวันอยู่ดี คาโฮโกะยืนยันกับอิซูมิว่ายังไงเธอก็จะคบกับฮาจิเมะและขอเขาเป็นคู่รักในที่สุด โชคกลับไม่เข้าข้างเธอเพราะฮาจิเมะไม่ได้ชอบคาโฮโกะและปฏิเสธคำขอของเธอ เขาให้เหตุผลว่าพื้นเพของทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างลิบลับ คาโฮโกะจึงเดินจากไปอย่างใจเย็น และปล่อยโฮร้องไห้ในบ้านของเธอ มาซาตากะ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวและพ่อของเธอ จึงปลอบใจคาโฮโกะ แต่แล้วในวันรุ่งขึ้น ฮาจิเมะก็ได้ส่งข้อความมาหาคาโฮโกะเพื่อขอพบด้วย เพราะก่อนหน้านั้นมาซาตากะไปหาฮาจิเมะและโค้งคำนับขอให้เขาคบกับคาโฮโกะในฐานะเพื่อน ซึ่งฮาจิเมะก็ได้ทำตามคำขอของมาซาตากะ เพราะเห็นถึงความจริงใจที่เธอมีต่อเขา ส่วนทั้งคาโฮโกะและอิซูมิก็คืนดีกันได้หลังจากคาโฮโกะได้ทำตามคำแนะนำของฮาจิเมะให้ขอโทษแม่ของเธอ
[12]ถึงแม้คาโฮโกะและฮาจิเมะตัดสินใจที่จะเป็นเพียงแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน คาโฮโกะยังคอยเอาใจใส่ฮาจิเมะอยู่ตลอด และนำ
ข้าวกล่องไปให้เขาด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ใสซื่อของเธอ ทำให้ทั้งสองตัดสินใจคบกัน
[13] โดยที่อิซูมิ แม่ของเธอยังไม่ยอมรับ แต่ทั้งสองก็ต้องเผชิญกับทัศนคดีที่มีต่อเรื่องครอบครัวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ครอบครัวอันแสนอบอุ่นของคาโฮโกะที่เธอกำลังพยายามประคองรักษา และครอบครัวของฮาจิเมะที่แตกหัก ทำให้ทั้งคู่ต้องเลิกกัน
[14] แต่แล้วคาโฮโกะก็ได้พบกับฮาจิเมะอีกครั้งในงานจับคู่ เธอได้ชวนฮาจิเมะให้ไปเยี่ยมบ้านเด็กกำพร้าที่เขาเคยอยู่ หลังจากเธอช่วยพาเด็กชายคนหนึ่งที่เคียวโกะนำมาเลี้ยงเป็นการชั่วคราวที่บ้านของครอบครัวมาซาตากะและเห็นรูปวาดของครูใหญ่ที่เมื่อดูแล้วก็ทราบเลยว่าเป็นฝีมือของฮาจิเมะ คาโฮโกะบอกกับฮาจิเมะว่าแม่ของเขาได้ทิ้งจดหมายไว้ที่บ้านเด็กกำพร้า คาโฮโกะพร้อมกับฮาจิเมะจึงได้เดินทางไปรับจดหมาย และมุ่งหน้าสู่บ้านของแม่ของฮาจิเมะ เมื่อเขาได้พบกับแม่แล้ว จึงเดินออกมาและร้องไห้บนแขนของคาโฮโกะทั้งคู่จึงกลับมาคบกันอีกครั้ง และขออนุญาตอิซูมิและมาซาตากะแต่งงาน แต่อิซูมิปฏิเสธไม่อนุญาตให้แต่งงานกัน
[15] และถ้าหากจะแต่งงานกันก็จะตัดขาดความสัมพันธ์แม่-ลูก คาโฮโกะยังต้องเผชิญอุปสรรคครั้งใหญ่ในจิตใจครั้งเธอหลังฮัตสึโยะ ยายของเธอได้จากเธอไปด้วย
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างสงบ คาโฮโกะจึงเดินทางไปหาฮาจิเมะและบอกกับเขาว่าให้เลื่อนงานแต่งงานไปก่อน แต่ฮาจิเมะกลับขอเธอแต่งงานโดยให้เหตุผลว่า การแต่งงานคือการที่ทั้งคู่บ่าวสาวจะผ่านทั้งสุขและทุกข์ไปด้วยกัน
[16]ทั้งคาโฮโกะและฮาจิเมะตัดสินใจที่จะจดทะเบียนสมรสกันในวันเดียวกันกับที่ทั้งอิซูมิและมาซาตากะจดทะเบียนสมรสกัน และย้ายไปอยู่ที่บ้านของฟูกูชิตามคำขอของเขา อิซูมิก็ยังคงปฏิเสธโดยบอกว่าฮาจิเมะจะสามารถทำให้คาโฮโกะมีความสุขได้หรือไม่ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ทั้งคู่ก็ยังคงจัดงานแต่งงานอยู่ดี โดยมีครอบครัวในเครือญาติของเธอมาร่วมเป็นสักขีพยานและช่วยเหลือจัดงานแต่งงานครั้งนี้ขึ้น
[thai 1] จนเวลาล่วงเลยไป 1 ปี เธอได้ทำงานในสถานเลี้ยงเด็กที่บ้านของครอบครัวมาซาตากะในชื่อ "คาโฮโกะ เฮาส์ (
ญี่ปุ่น: カホコハウス)" และทั้งคาโฮโกะและฮาจิเมะก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
[8]ในตอนพิเศษ คาโฮโกะกำลังสนุกสนานกับการรับเลี้ยงดูแลเหล่าเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็ก เธอได้พบกับแม่ของทามตสึ เด็กชายคนหนึ่งที่อยู่ในสถานเด็กเลี้ยงและเคยติดตามเคียวโกะมาที่บ้านของเธอขอตัวทามตสึกลับไป ครูใหญ่ที่สถานพินิจที่เขาเคยอยู่บอกกับคาโฮโกะว่าเธอมักจะพาลูกชายของเขาไปหลังจากที่แม่ของเธอเลิกรากับคู่รัก ทำให้คาโฮโกะไม่สบายใจเป็นอย่างมาก วันหนึ่งเมื่อเธอพบกับทามตสึและแม่ของเขา คาโฮโกะขอร้องให้เธอทำตามคำขอของลูกชายตนเอง ทามตสึขอคาโฮโกะกอดเป็นครั้งแรก แต่เขาบอกกับเธอว่าเขาเองต้องการที่จะอยู่กับแม่ของเขามากกว่า ทำให้ความสัมพันธ์แม่-ลูกกลับมาดีอีกครั้ง วันต่อมาเหล่าเครือญาติของคาโฮโกะได้ตั้งคำถามกับเธอและฮาจิเมะว่าเมื่อไหร่ทั้งสองจะมีลูก คาโฮโกะตอบไม่ได้และมีปากเสียงจนต้องเลิกรากันด้วยสาเหตุที่ว่าฮาจิเมะจะเลิกวาดรูปและทำงานประจำเพื่อให้อิซูมิ แม่ของเธอ แต่คาโฮโกะไม่เห็นด้วย เลยไปบริษัทที่เขาทำงานและแจ้งขอยกเลิกการจ้างงานของเขา หนึ่งปีให้หลังเธอได้
ตั้งครรภ์กับฮาจิเมะ และคลอดลูกแฝดออกมา เธอขอให้ฮาจิเมะช่วยตั้งชื่อลูกทั้งสองให้
[17]นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเรียวเซ และพนักงานส่งพิซซ่าชั่วคราว ที่หวังจะใช้ฝีมือด้านการวาดภาพของเขาเป็นเครื่องมือเลี้ยงชีพตนเอง เขามีความแข็งแกร่งพอที่จะอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่ต้องพึ่งใคร
[9] พ่อของเขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ และแม่ของเธอหนีออกจากบ้านไปอยู่กับคนอื่น ฮาจิเมะเลยถูกส่งไปยังบ้านเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครรับไปเลี้ยง
[13] นั่นทำให้เขาไม่ชอบและเข้าใจถึงการมีอยู่ของครอบครัว
[14] ในวันที่แสนธรรมดาของเขา ฮาจิเมะได้พบกับนักศึกษาสาวที่ทำตัวเหมือนลูกคุณหนู เหมือนพวกเขาทั้งสองได้เริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกันและกัน ฮาจิเมะตกใจเป็นอย่างมากต่อวิธีที่ครอบครัวปฏิบัติต่อเธอ (การประคบประหงมที่เกินไป) ทำให้เขาชวนเธอไปทำงานชั่วคราวและคอยให้คำแนะนำอยู่ห่าง ๆ จนตกค่ำ
[9] พอถึงวันถัดไป คาโฮโกะที่พึ่งได้รับคำพูดที่ไม่ดีมาจากเพื่อนสนิทของเธอที่พึ่งได้รู้ว่าเธอจะเล่นเชลโล เครื่องดนตรีโปรดของเธอไม่ได้อีกจากการบาดเจ็บที่ข้อมือของเธอ ฮาจิเมะเองที่อยู่แถว ๆ นั้นจึงนัดให้คาโฮโกะมาหาเขาที่วัดใกล้ ๆ ห้องชุดของเธอ และร้องไห้เสียใจบนหน้าอกของเขาจนเผลอคล้อยหลับไป นั่นทำให้เขาต้องห่ามเธอส่งจนถึงหน้าห้องชุดของเธอ แต่แล้วเขากลับพบแม่และพ่อของเธอเสียสักก่อน
[11] ทำให้แม่ของเธอที่คอยปกป้องลูกสาวของเธอรู้สึกว่าฮาจิเมะไม่น่าไว้วางใจและสั่งห้ามไม่ให้คาโฮโกะไปพบกับเขาอีก
[10]แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น คาโฮโกะก็ยังมาพบเขาที่ห้องทำงานศิลปะอยู่ และถามถึงอาหารที่เขาชอบและไม่ชอบ คาโฮโกะบอกกับฮาจิเมะว่าเธอมีคนที่เธอชอบอยู่เลยคิดว่าจะทำข้าวกล่องให้ แต่พอเมื่อแม่ของคาโฮโกะรู้ว่าทั้งสองยังคงพบเจอกันอยู่ จึงทำให้ทั้งแม่และคาโฮโกะมีปากเสียงกัน จนคาโฮโกะหนีออกมาจากห้องชุดของเธอและได้สารภาพความในใจที่มีต่อฮาจิเมะ และขอเขาเป็นคู่รักของเธอ แต่เขาปฏิเสธเพราะความแตกต่างทางสังคมของทั้งสอง โดยในวันถัดมาพ่อของเธอ มาซาตากะ ได้มาขอร้องด้วยการโค้งคำนับให้ฮาจิเมะช่วยคบกับคาโฮโกะในฐานะเพื่อน ซึ่งฮาจิเมะก็ได้ทำตามคำขอนั้นด้วยการนัดคาโฮโกะมาเจอกับเขาและให้คำแนะนำในการช่วยให้ทั้งเธอและแม่กลับมาคืนดีกัน
[12] ถึงแม้ฮาจิเมะและคาโฮโกะตัดสินใจที่จะเป็นเพียงแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน ฮาจิเมะเห็นถึงความไร้เดียงสาและความบริสุทธิ์ของคาโฮโกะ ทำให้ทั้งสองตัดสินใจคบกัน
[13] โดยที่อิซูมิ แม่ของเธอยังไม่ยอมรับ แต่ทั้งสองก็ต้องเผชิญกับทัศนคดีที่มีต่อเรื่องครอบครัวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ครอบครัวของฮาจิเมะที่แตกหัก และครอบครัวอันแสนอบอุ่นของคาโฮโกะที่เธอพยายามประคองรักษา ทำให้ทั้งคู่ต้องเลิกกัน
[14] แต่แล้วฮาจิเมะก็ได้พบกับคาโฮโกะอีกครั้งในงานจับคู่ เขาก็ได้รับคำเชิญจากคาโฮโกะให้ไปเยี่ยมที่บ้านเด็กกำพร้าที่เขาเคยอยู่ตั้งแต่ 7 ขวบ และได้รับจดหมายที่แม่ของฮาจิเมะเขียนถึงเขาจากครูใหญ่ ในจดหมายเขียนถึงสาเหตุที่แม่ของเขาหนีออกจากบ้านไปว่าหลังจากมี่พ่อของเขาเสียชีวิต แม่ต้องดูแลภาระหนี้สินจากการพนันของพ่อ และทำให้แม่ของฮาจิเมะตัดสินใจหนีปัญหาด้วยการพึ่ง
ยาเสพติด ซึ่งนั่นทำให้แม่กังวลว่าวันหนึ่งตนเองจะทำร้ายฮาจิเมะ เลยตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปและฝากฮาจิเมะไว้กับบ้านเด็กกำพร้า หลังจากที่ฮาจิเมะอ่านข้อความนั้น เขาจึงตัดสินใจไปพบแม่อีกครั้งพร้อมกับคาโฮโกะ เมื่อไปถึงฮาจิเมะก็พูดกับแม่ของเขาว่าจะสร้างครอบครัวที่มีความสุขเหมือนที่แม่มีและกล่าวบอกลา จนในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางกลับ ฮาจิเมะปล่อยโฮร้องไห้เป็นครั้งแรกตั้งแต่แม่ของฮาจิเมะทิ้งเขาไว้ คาโฮโกะปลอบใจเขา ทั้งคู่ก็กลับมาคบกันอีกครั้ง และตัดสินใจขออิซูมิและมาซาตากะ พ่อและแม่ของคาโฮโกะแต่งงาน แต่อิซูมิปฏิเสธอย่างหนักแน่น
[18]หลังจากฮาจิเมะทราบว่าครอบครัวของมาซาตากะกำลังวางแผนที่จะเปิดสถานเลี้ยงเด็กและโรงเรียนกวดวิชาที่บ้านของพวกเขา ฮาจิเมะอาสาสมัครช่วยตกแต่งภายในให้ นอกจากนี้เขาก็ได้วาดรูปครอบครัวในเครือญาติของคาโฮโกะและมอบให้ฮัตสึโยะดู โดยภายหลังเธอได้จากไปอย่างสงบ ทำให้คาโฮโกะรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ฮาจิเมะจึงขอเธอแต่งงานโดยให้เหตุผลว่า การแต่งงานคือการที่ทั้งคู่บ่าวสาวจะผ่านทั้งสุขและทุกข์ไปด้วยกัน
[16] ทั้งคาโฮโกะและฮาจิเมะตัดสินใจที่จะจดทะเบียนสมรสกันในวันเดียวกันกับที่ทั้งอิซูมิและมาซาตากะจดทะเบียนสมรสกัน และย้ายไปอยู่ที่บ้านของฟูกูชิตามคำขอของเขา อิซูมิก็ยังคงปฏิเสธโดยบอกว่าฮาจิเมะจะสามารถทำให้คาโฮโกะมีความสุขได้หรือไม่ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ทั้งคู่ก็ยังคงจัดงานแต่งงานอยู่ดี โดยมีครูใหญ่และเด็ก ๆ ในสถานสงเคราะห์ที่เขาได้เติบโตมา มาร่วมเป็นสักขีพยานและช่วยเหลือจัดงานแต่งงานครั้งนี้ขึ้น ระหว่างที่เขากำลังสวมแหวนให้แก่คาโฮโกะ เขาทำแหวนกลิ้งตกลงไป แต่อิซูมิคว้าแหวนวงนั้นมาได้และมอบให้แก่คาโฮโกะ จนเวลาล่วงเลยไป 1 ปี ทั้งฮาจิเมะและคาโฮโกะก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
[8]ในตอนพิเศษ เหล่าเครือญาติของคาโฮโกะได้ตั้งคำถามกับฮาจิเมะและคาโฮโกะว่าเมื่อไหร่ทั้งสองจะมีลูก แต่เขาบอกว่ามันอาจจะยังเร็วเกินไป ฮาจิเมะได้ทำงานพิเศษให้กับแห่งหนึ่ง โดยภายหลังเขาได้รับคำเชิญให้ไปทำงานประจำที่นั่น ทำให้ฮาจิเมะตัดสินใจเลิกวาดรูปเพื่อไปทำงานดังกล่าวและเพื่อให้อิซูมิยอมรับในตัวเขา แต่คาโฮโกะไม่เห็นด้วยซึ่งนำไปสู่การเลิกรากันของทั้งสอง เธอตามไปยังบริษัทที่ทำงานของเขาและขอยกเลิกการจ้างงานของฮาจิเมะ หนึ่งปีให้หลัง ทั้งสองก็ได้มีลูกชายและลูกสาว โดยฮาจิเมะตั้งชื่อทั้งสองว่า "ไอ (
ญี่ปุ่น: 愛; ความรัก)" และ "ยูเมะ (
ญี่ปุ่น: 夢; ความฝัน)"
[17]ครอบครัวเนโมโตะ
- อิซูมิ เนโมโตะ แสดงโดย ฮิโตมิ คูโรกิ (51 → 52)
เป็นภรรยาของมาซาตากะ แม่ของคาโฮโกะ และพี่สาวคนโตของเซ็ตสึและทามากิ การปกป้องลูกและตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันคือหน้าที่ของเธอ แม้กระทั่งการตัดสินใจเรื่องความรักด้วยเช่นกัน คู่รักในอุดมคติของอิซูมิที่คู่ควรกับคาโฮโกะนั้นมีมาตรฐานที่สูงมาก เพราะเธอหวังว่าเขาคนนั้นจะช่วยดูแลลูกของเธอไม่ให้ประสบกับความยากลำบากได้
[10] แต่ทว่าคนที่คาโฮโกะชอบ ฮาจิเมะ กลับเป็นคนที่มีนิสัยตรงกันข้ามกับที่อิซูมิหวังไว้ ทั้งไม่น่าไว้วางใจ และฐานะทางการเงินที่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ทำให้เธอไม่เห็นด้วยกับคาโฮโกะและเกิดการแตกหักในความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นครั้งแรก แต่ทั้งสองก็ได้กลับมาคืนดีกันหลังคาโฮโกะทำตามคำแนะนำของฮาจิเมะให้ขอโทษอิซูมิ
[12] เธอมักจะพูดอย่างตรงไปตรงมากับพี่น้องของเธอในงานรวมญาติ และเป็นคนคอยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทหรือเรื่องทุกข์ใจระหว่างครอบครัวในเครือญาติ
[9][11] มีอยู่วันหนึ่งอิซูมิและคาโฮโกะตั้งข้อตกลงว่าทั้งสองจะไม่พึงพาซึ่งกันและกัน เพื่อที่จะทำให้คาโฮโกะสามารถโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นได้ ทำให้อิซูมิต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก
[14] หลังจากที่ทั้งคาโฮโกะและฮาจิเมะกลับมาคบกันใหม่และขออนุญาตอิซูมิและมาซาตากะแต่งงาน เธอไม่อนุญาตให้ทั้งคู่แต่งงานอย่างแน่วแน่และเคร่งขรึม
[18]หลังจากฮัตสึโยะประกาศกับครอบครัวของเธอว่าเธอกำลังป่วยหนัก อิซูมิก็ได้ย้ายไปเฝ้าฮัตสึโยะที่โรงพยาบาลโดยก่อนหน้านี้อิซูมิได้ให้คำมั่นที่หนักแน่นว่าเธอจะต้องรักษาแม่ของเธอให้หายที่โรงพยาบาล แต่สุดท้ายแล้วจากการขอร้องของคาโฮโกะเธอก็ย้ายฮัตสึโยะมาอยู่ที่บ้านของเธอตามประสงค์และจากไปอย่างสงบ
[16] ต่อมาเธอเป็นไข้หวัดแดดทำให้เธอไม่มีเสียง และต่อมาทั้งคาโฮโกะและฮาจิเมะได้ขออนุญาตและขอให้ยอมรับการแต่งงานของทั้งสอง อิซูมิปฏิเสธไปโดยตั้งคำถามว่าฮาจิเมะจะสามารถทำให้คาโฮโกะมีความสุขได้หรือไม่ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นมาซาตากะก็ได้โทรศัพท์มาหาอิซูมิให้เธอช่วยแก้ไขปัญหาในการเตรียมตัวก่อนงานแต่งงานของคาโฮโกะ ซึ่งเธอก็สามารถทำให้งานแต่งงานไปต่อได้ โดยในระหว่างที่ฮาจิเมะกำลังสวมแหวนให้แก่คาโฮโกะ แหวนวงนั้นกลับกลิ้งลงไปในบ่อน้ำใกล้ ๆ กับโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่แต่งงานของคาโฮโกะ แต่เธอคว้าแหวนวงนั้นมาได้ก่อนที่จะตกลงไปและมอบให้แก่คาโฮโกะ และขอบคุณที่เธอคอยมอบความสุขให้แก่คนรอบข้างมาโดยตลอด โดยหลังจากงานแต่งงานของลูกสาวเธอ อิซูมิได้ขอหย่ากับมาซาตากะ
[8] ในตอนพิเศษ หลังจากที่คาโฮโกะได้ย้ายไปอยู่กับฮาจิเมะ อิซูมิก็ยังคอยติดตามเธออยู่โดยตลอด เมื่อวันหนึ่งเธอถูกคาโฮโกะจับได้จึงทำให้เกิดการทะเลาะครั้งใหญ่ขึ้น วันต่อมามาซาตากะบอกกับเธอว่าเขาได้ลาออกจากบริษัทและจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือของเขา อิซูมิบอกกับเขาว่าจะไม่ย้ายบ้านไปอยู่ด้วยเพราะเธอต้องการที่จะอยู่ใกล้กับคาโฮโกะ อิซูมิถูกมาซาตากะขอหย่า เธอยินยอม แต่ภายหลังคาโฮโกะได้ไกล่เกลี่ยต่อรองทั้งสองและฮาจิเมะได้มอบภาพวาดของทั้งสองให้ดู นั่นทำให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกัน และย้ายไปอยู่ที่บ้านของฟูกูชิ
[17]- มาซาตากะ เนโมโตะ แสดงโดย ซาบูโระ โทกิโตะ (54 → 55)
เป็นสามีของอิซูมิ พนักงานบริษัทขายประกัน และพ่อของคาโฮโกะ
[9][19] "ความใจเย็นและใจดี" หนึ่งในคำพูดของ
คอลิน พอเวลล์ (กฎ 13 ข้อของการเป็นผู้นำ)
[15] เป็นคติประจำใจที่เตือนสติเขา มาซาตากะมักจะพูดความคิดเห็นของเขาภายในใจเพราะกังวลว่าความคิดเห็นเหล่านั้นอาจจะไปขัดแย้งกับคนในครอบครัวและทำให้ต้องทะเลาะกัน เขาจึงต้องคิดวางแผนอย่างรอบคอบก่อนที่จะกล่าวอะไรออกมา
[9] โดยหลังจากที่เขารู้ว่าคาโฮโกะลูกของเธอกำลังมีความรักกับฮาจิเมะ นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ นั่นทำให้มาซาตากะรู้สึกว่าลูกสาวของเขาเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เขาต้องประสบพบเจอกับปัญหาใหญ่คือภรรยาของเขาที่จะคอยห้ามไม่ให้คาโฮโกะคบกับฮาจิเมะ เนื่องด้วยฐานะทางการเงินที่ไม่มั่นคงของเขา และเมื่อคาโฮโกะสารภาพรักกับเขาแล้วปฏิเสธ เธอเสียใจร้องไห้กลับมาที่บ้านของเธอเอง มาซาตากะไปหาเขาที่ห้องทำงานศิลปะที่เขามักอยู่และโค้งคำนับขอร้องให้ฮาจิเมะคบกับลูกสาวของเขาในฐานะเพื่อน เมื่อฮาจิเมะยอมรับคำขอของมาซาตากะและคุยกับคาโฮโกะอีกครั้ง ทำให้เธอนั้นกลับมามีความสุขอีกครั้ง แต่พอเมื่อทุกอย่างเหมือนจะกลับมาเป็นปกติแล้ว มาซาตากะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกและรู้สึกโดนอิซูมิจับผิดเรื่องการใช้แก้วน้ำที่ล้างยากอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขารู้สึกโมโหและหนีออกจากบ้านไป
[12] แต่ภายหลังคาโฮโกะก็ได้ชวนมาซาตากะกลับบ้านไป
[13] ในงานแต่งงานของคาโฮโกะ เขาได้โทรศัพท์ไปหาอิซูมิให้มาช่วยแก้ไขปัญหาในการเตรียมตัวก่อนงานแต่งงานของคาโฮโกะ และเขาก็ได้ควงแขนพาคาโฮโกะเดินไปส่งฮาจิเมะอย่างกังวลตื่นเต้น เมื่อเดินส่งจนถึงมาซาตากะได้บอกกับฮาจิเมะว่า "ถ้าคิดว่าฉันใจดีมาโดยตลอด นายคิดผิดแล้ว ถ้าทำคาโฮโกะเศร้าเมื่อไหร่ ฉันฆ่านายแน่นอน" โดยหลังจากงานแต่งงานของลูกสาวของเขา อิซูมิได้ขอหย่ากับมาซาตากะ เขาไม่พูดอะไรและกอดเธอ
[8]ในตอนพิเศษ มาซาตากะตัดสินใจที่จะลาออกจากบริษัทขายประกันและย้ายไปอยู่ในเมืองทาเตยามะ
จังหวัดโทยามะ หลังจากที่เขาได้รับหน้าที่ในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร มาซาตากะกล่าวกับคาโฮโกะว่าเขาไม่อยากที่จะเป็นคนบอกเพื่อนร่วมงานของเขาว่าจะต้องถูกไล่ออก โดยเมื่อเขานำเรื่องนี้ไปบอกกับอิซูมิ เธอก็บอกว่าคาโฮโกะนั้นสำคัญที่สุดสำหรับเธอและไม่อยากที่จะย้ายบ้านห่างจากคาโฮโกะไป ทำให้มาซาตากะตัดสินใจหย่ากับเธอ แต่ภายหลังคาโฮโกะได้ไกล่เกลี่ยต่อรองทั้งสองและฮาจิเมะได้มอบภาพวาดของทั้งสองให้ดู นั่นทำให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกัน และย้ายไปอยู่ที่บ้านของฟูกูชิ
[17]- ทาเอะ เนโมโตะ แสดงโดย มาซาโยะ อูเมซาวะ (74 → 75)
เป็นแม่ของมาซาตากะ มีใบอนุญาตประกอบการปรุงอาหาร เมื่อเกิดปัญหาภายในครอบครัวของเธอ ทาเอะจะโทรศัพท์ไปหามาซาตากะให้มาช่วยแก้ไข
[13][14] หลังจากมาซาโอกิ สามีของเธอกลับตัวมาเป็นคนที่ขยันขันแข็งอีกครั้ง เธอก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
[16] ในงานแต่งของคาโฮโกะ ทาเอะได้เตรียมอาหารไว้แต่เธอสะดุดเค้กที่พึ่งตกลงบนพื้นทำให้ทำอาหารตกลงด้วย
[8]- เคียวโกะ เนโมโตะ แสดงโดย มาริ ฮามาดะ (50 → 51)
เป็นน้องสาวของมาซาตากะ เธอต้องการที่จะเปิดโรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ที่ชั้นสองของบ้าน เมื่อการเปิดธุรกิจของเธอเข้าใกล้มาถึง หุ้นส่วนของเธอหายไปพร้อมกับเงินทุน
[12] แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเคียวโกะก็ได้นำเด็กชายแปลกหน้าเข้ามาเลี้ยงในบ้านของเธอ
[14] และในวันต่อมาเธอกับคาโฮโกะก็ได้นำตัวเด็กชายคนนั้นส่งบ้านเด็กกำพร้า ซึ่งเป็นที่ที่เขาหนีออกมา
[18] แต่แล้วเคียวโกะก็เจอเด็กผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง คาโฮโกะก็เลยเสนอให้เปิดสถานเลี้ยงเด็กและโรงเรียนกวดวิชาในที่เดียวกัน
[16] และหลังจากเธอได้ใบประกอบฯ แล้วก็สามารถเปิดได้ ก็ตั้งชื่อสถานเลี้ยงเด็กว่า "คาโฮโกะ เฮาส์ (
ญี่ปุ่น: カホコハウス)" ได้สำเร็จโดยมีคาโฮโกะทำงานอยู่ที่นั่น
[8] ในตอนพิเศษ มีสถานเลี้ยงเด็กเปิดอยู่ใกล้ ๆ กับของเธอ ทำให้สภาวะทางการเงินขัดข้อง เคียวโกะเลยตัดสินใจที่จะปิดคาโฮโกะ เฮาส์ ลงแต่ระหว่างการไกล่เกลี่ยของคาโฮโกะ ผู้ปกครองของเด็ก ๆ ที่เคยมาอยู่ที่คาโฮโกะ เฮาส์ ได้เดินทางมาขอให้รับเลี้ยงใหม่เพราะลูก ๆ ของพวกเขาเข้ากับที่นี่ได้ดีกว่า
[17]- มาซาโอกิ เนโมโตะ แสดงโดย เซ ฮิราอิซูมิ (77 → 78)
เป็นพ่อของมาซาตากะ มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
[16] และเคยเปิดร้านหนังสือ
[17] เขามักผัดวันประกันพรุ่งด้วยคำว่า "ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้"
[9][12] แต่ด้วยคำพูดของคาโฮโกะทำให้เขากลับมาตัดสินใจแก้ไขปัญหาครอบครัวอย่างเด็ดเดี่ยวอีกครั้งโดยไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้
[18]ครอบครัวนามิกิ
- ฮัตสึโยะ นามิกิ แสดงโดย โยชิโกะ มิตะ (72 → 73)
เป็นแม่ของอิซูมิ เช็ตสึ และทามากิ เธอเป็นแม่ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นแม่และภรรยาที่ดีของฟูกูชิ
[19] ฮัตสึโยะเคยกล่าวกับอิซูมิว่า "ไม่มีแม่คนไหนไม่เสียใจที่ได้เลี้ยงลูก"
[13] มีอยู่วันหนึ่งเธอได้รับผลการวินิจฉัยจากโรงพยาบาลว่าเธอมี
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ฮัตสึโยะได้บอกเรื่องนี้เพียงกับแค่คาโฮโกะ
[14] ภายหลังอาการเธอทรุดลง
[18] และจากไปอย่างสงบที่บ้านพักของเธอในที่สุด โดยก่อนที่เธอจะจากไป ลูก ๆ ทั้งสามคนของเธอที่พึ่งทะเลาะเรื่องการรักษาของฮัตสึโยะ ก็ได้มาพบเธอและเปิดกล่องที่เก็บของตั้งแต่สมัยเด็กของพวกเขาไว้และช่วยให้ทั้งสามคนกลับมาเป็นคืนดีกันอีกครั้ง นอกจากนี้ฮัตสึโยะยังบอกกับคาโฮโกะให้เธอเป็นผู้ดูแลครอบครัวนี้ต่อไป และมอบแหวนแต่งงานให้แก่คาโฮโกะ
[16] ในตอนพิเศษ ฮัตสึโยะได้มาหาคาโฮโกะในความฝันหลังจากที่เธอต้องเผชิญกับปัญหาครอบครัวที่รายล้อมรอบตัวเธอ
[17]- ฟูกูชิ นามิกิ แสดงโดย โทกูมะ นิชิโอกะ (74 → 75)
เป็นพ่อของอิซูมิ เช็ตสึ และทามากิ เขาสามารถอ่านและท่องกลอนจีนได้ อีกทั้งยังชอบใช้กล้องถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพกิจกรรมที่เกิดขึ้นในครอบครัว
[12] ลูก ๆ ของฟูกูชิกล่าวว่าเขาไม่เคยเลี้ยงพวกเขาเลย เพราะเขามักจะแค่พูดสั่งสอนเท่านั้น
[9] และมักเรียกฮาจิเมะว่าทามตสึ
[18][thai 2] หลังจากที่ฟูกูชิรู้ว่าภรรยาของเขา ฮัตสึโยะ ได้รับการวินิจฉัยว่าเธอมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เขาก็เสียใจเป็นอย่างมากจนทำอะไรไม่ได้
[18] และหลังจากฮัตสึโยะได้จากไป เขาก็พยายามอดอาหารในบ้านกระท่อมหลังเล็ก ๆ ในบ้านของเขา ซึ่งเป็นที่ที่ฟูกูชิและฮัตสึโยะมีความทรงจำที่ดีอยู่มากมาย แต่คาโฮโกะกลับพบเขาและพาออกมา
[16] ในงานแต่งงานของคาโฮโกะ ระหว่างที่ฟูกูชิกำลังถ่ายภาพรวมอยู่นั้น เขาก็ได้ถอยหลังไปชนโต๊ะแล้วทำให้เค้กที่วางอยู่บนนั้นตกลงมา และเขาก็ได้ทำชุดแต่งงานขาดหลังพยายามดึงตัวเขาเองขึ้นมา
[8] ในตอนพิเศษ ฟูกูชิก็ได้เปิดเผยว่าที่เขาชอบถ่ายรูป ก็เพียงเพราะอยากให้ทุกคนยิ้มเท่านั้นเอง
[17]ครอบครัวโทมิตะ
- เซ็ตสึ โทมิตะ แสดงโดย มาริ นิชิโนะ (44 → 45)
เป็นแม่ของอิโต และน้องคนเล็กสุดของอิซูมิ เธอทำงานที่ร้านข้าวกล่องแห่งหนึ่งอย่างขยันขันแข็งเพื่อส่งลูกสาวเธอ อิโต ไปเรียนเชลโลที่ต่างประเทศ
[9] แต่ในการแข่งขันเชลโลที่ผ่านมา ทำให้ข้อมือของเธอใช้การไม่ได้ และทำให้เธอไม่สามารถเล่นเชลโลได้อีกต่อไปโดยปริยาย นั่นทำให้อิโตที่กำลังโกรธและโมโหที่เธอไม่สามารถเล่นเครื่องดนตรีที่เธอรักได้อีกไม่กลับไปที่บ้าน ทำให้เธอเสียใจเป็นอย่างมาก
[10][12] แต่แล้วหลังจากความพยายามนับครั้งไม่ถ้วนของทั้งตัวเธอเอง อัตสึชิ และคาโฮโกะ
[16][18] พวกเขาก็สามารถนำเธอกลับมาสู่ครอบครัวของเธอได้อีกครั้ง ในงานแต่งงานของคาโฮโกะ เธอได้ทำเค้กแต่งงานไว้แต่ในระหว่างที่ฟูกูชิกำลังถ่ายภาพอยู่นั้นก็เผลอทำเค้กตกไป อิซูมิจึงชวนเธอไปทำเค้กอีกครั้งด้วยวัตถุดิบที่เธอมี
[8] ในตอนพิเศษ อิโตได้บอกกับเธอและอัตสึชิว่าเธอจะไปเรียนต่อด้านดนตรีที่
เวียนนา แต่เซ็ตสึไม่อนุญาต เพราะเธอเป็นห่วงด้านการดำรงชีวิตและภาษาเมื่อเธอต้องไปอยู่ที่นั่น ภายหลังในขณะที่อิโตกำลังจะขึ้นเครื่องบินโดยมีทุกคนคอยมาต้อนรับ คาโฮโกะได้พาเซ็ตสึออกมาจากที่หลบซ่อนและทั้งสองก็ได้พูดคุยกัน
[17]- อัตสึชิ โทมิตะ แสดงโดย อะตอม ชูกูกาวะ (41 → 42)
เป็นพ่อของอิโต และเป็นบุรุษพยาบาล หลังจากที่คาโฮโกะได้ลองทำงานชั่วคราวเป็นครั้งแรกตามคำแนะนำของฮาจิเมะจนพลบค่ำ ทำให้อิซูมิ แม่ของเธอนั้นเป็นห่วงจึงโทรหาเขาเพื่อสอบถามว่าคาโฮโกะได้อยู่ที่โรงพยาบาลที่อัตสึชิทำงานอยู่หรือไม่
[9] หลังจากอิโตหนีออกจากบ้านไปอยู่กับเพื่อน ๆ ที่ดูไม่น่าไว้วางใจของเธอ ทั้งเขา เซ็ตสึ และคาโฮโกะ ก็ได้ช่วยอิโตกลับมาสู่ครอบครัวของเขาได้อีกครั้ง
[16] ในงานแต่งงานของคาโฮโกะเขาได้ช่วยตกแต่งโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่แต่งงานของคาโฮโกะ
[8]- อิโต โทมิตะ แสดงโดย ซายุ คูโบตะ (18 → 19)[17]
เป็นลูกสาวของเซ็ตสึและอัตสึชิ เธอสามารถเล่นเชลโลได้ดี และทั้งพ่อและแม่ของอิโตก็เตรียมเก็บเงินเพื่อส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ
[9][7] ในการแข่งขัน
เชลโลญี่ปุ่น ในระหว่างที่เธอกำลังแสดงฝีมือการเล่นต่อหน้าคณะกรรมการ จู่ ๆ อาการบาดเจ็บที่ข้อมือของเธอก็แย่ลงจากการที่เธอฝึกซ้อมมากจนเกินไป นั่นทำให้เธอต้องถูกส่งไปยังโรงพยาบาล แพทย์ของอิโตกล่าวว่าเธอจะไม่สามารถเล่นเชลโลได้อีกเนื่องจากความผิดปกติในระบบประสาทของเธอ โดยก่อนหน้านี้อิโตได้กล่าวกับคาโฮโกะไว้ว่าอย่าบอกเรื่องอาการบาดเจ็บของเธอกับพ่อและแม่ของเธอ จึงทำให้คาโฮโกะกังวลใจเป็นอย่างมาก เลยเข้าเยี่ยมไข้อิโตในวันถัดไปพร้อมกับนกกระเรียนกระดาษที่เธอพับและให้กำลังใจแก่อิโต แต่เธอกลับโมโหและหงุดหงิดที่เธอไม่ได้เล่นเชลโลอีก จึงพูดไม่ดีใส่คาโฮโกะไป หลังจากนั้นฮาจิเมะก็มาเยี่ยมไข้อิโตตามคำขอของคาโฮโกะ
[11] จากการที่ทั้งฮาจิเมะและอิโตได้พบกันในโรงพยาบาล อิโตก็ไปหาฮาจิเมะที่ห้องทำงานศิลปะของเขา ในระหว่างการสนทนาอิโตได้บอกกับฮาจิเมะว่าเธอนั้นรู้สึกรำคาญแม่ของตนเอง และตัดพ้อถึงฐานะทางการเงินของครอบครัว นั่นทำให้ฮาจิเมะรู้สึกโมโหแล้วไล่อิโตออกไป
[12]หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น อิโตจึงหันไปคบเพื่อนที่ดูไม่น่าไว้วางใจและเปลี่ยนบุคลิกของเธอไปอย่างสิ้นเชิง
[19] ในวันคล้ายวันเกิดของเธอ คาโฮโกะชวนเธอไปจัดงานวันเกิดที่บ้านของฮัตสึโยะแต่เธอปฏิเสธที่จะไป แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไปหลังจากที่ฮาจิเมะออกอุบายชวนเธอไปเดต ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาพาเธอไปที่บ้านหลังนั้น โดยหลังจากเข้าไปในบ้าน ทั้งฮัตสึโยะและฟูกูชิได้มอบเงินเก็บของพวกเขาเพื่อที่จะให้เธอใช้ในการศึกษาต่อต่างประเทศ เธอก็รับไว้
[14][18] แต่แล้วหลังจากความพยายามอย่างสุดความสามารถของพ่อแม่ของอิโตและคาโฮโกะ ให้เธอไม่ขายเชลโลที่เธอรัก และกลับสู่ครอบครัวของเธอได้ในที่สุด
[16] ในงานแต่งงานของคาโฮโกะ หลังจากที่อิซูมิทราบว่าโบสถ์ ซึ่งเป็นสถานที่แต่งงานของเธอ ไม่ได้เตรียมดนตรีไว้ อิโตจึงเล่นเชลโลในงานแต่งงานในครั้งนั้นและกล่าวขอบคุณคาโฮโกะ
[8]ในตอนพิเศษ อิโตบอกกับเครือญาติของเธอว่าจะไปเรียนต่อด้านดนตรีที่
เวียนนาเพื่อจะเป็น
วาทยกรโดยใช้เงินเก็บในบัญชีของทั้งฮัตสึโยะและฟูกูชิโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเซ็ตสึ แต่ในภายหลังเธอก็ได้มาส่งอิโตก่อนที่จะเดินทางขึ้นเครื่องบิน
[17]ครอบครัวคูนิมูระ
- ทามากิ คูนิมูระ แสดงโดย ฮิโรโกะ นากาจิมะ (48 → 49)
เป็นภรรยาของมาโมรุ และน้องสาวคนกลางของอิซูมิ คอยให้คำแนะนำด้านความรักและการใช้ชีวิตแก่คาโฮโกะอยู่บ่อยครั้ง
[12] เธอมีโรคประจำตัวคือ
อาการหอบ โดยในอดีตเธอมักไปขโมยของในร้านสะดวกซื้ออยู่บ่อยครั้งเมื่ออาการกำเริบ เพราะเธอรู้สึกว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับโรคนี้เพียงคนเดียวจึงอยากทำให้คนอื่นลำบากไปพร้อม ๆ กับเธอ
[14] แต่ภายหลัง หลังจากที่มาโมรุได้กลับมาดื่มเหล้าอีกครั้ง ทั้งสองจึงยื่นหย่ากัน โดยมีคาโฮโกะคอยห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้นแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
[16] ต่อมาในระหว่างที่ทุกคนกำลังถ่ายภาพรวมครอบครัวอยู่ จู่ ๆ มาโมรุก็เสนอตัวมาถ่ายรูปแทนให้ ทั้งคาโฮโกะและฮาจิเมะได้กล่าวให้ทั้งทามากิและมาโมรุกลับมาคบกันอีกครั้ง ซึ่งทั้งสองก็ได้จดทะเบียนสมรสในที่สุด และในงานแต่งงานของคาโฮโกะ ทามากิได้มอบชุดแต่งงานให้แก่เธอ แต่ก็ถูกฟูกูชิจับขาดไป
[8] ในตอนพิเศษ ทามากิต้องการที่จะมีบุตรด้วย
การอุ้มบุญ เธอกล่าวว่าเธอต้องการที่จะปกป้องใครสักคนบ้าง เพราะเธอถูกปกป้องโดยมาโมรุมาโดยตลอด นอกจากนี้มาโมรุเป็นลูกคนเดียวอีกด้วย ทำให้เธออยากมีลูกเพื่อสืบทอดตระกูลของเขาต่อไป ท้ายที่สุดทั้งคู่เปลี่ยนใจเข้าร่วมการฝึกเพื่อให้ได้เป็น
ครอบครัวอุปถัมภ์[17]เป็นนายตำรวจ และสามีของทามากิ หลังจากที่คาโฮโกะได้ลองทำงานชั่วคราวเป็นครั้งแรกตามคำแนะนำของฮาจิเมะจนพลบค่ำ ทำให้อิซูมิ แม่ของเธอนั้นเป็นห่วงจึงโทรหามาโมรุเพื่อสอบถามว่าได้รับรายงานอุบัติเหตุในท้องที่ที่เขาดูแลหรือไม่
[9] มาโมรุเจอกับทามากิครั้งแรกเมื่อเขาจับได้ว่าทามากิขโมยของในร้านสะดวกซื้อ เขาบอกกับทามากิว่าจะไม่บอกครอบครัวของเธอถ้าเธอสัญญาว่าจะไม่ขโมยของอีก
[14] แต่ภายหลัง หลังจากที่มาโมรุได้กลับมาดื่มเหล้าอีกครั้ง ทามากิจึงยื่นหย่ากัน โดยมีคาโฮโกะคอยห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้นแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
[16] ต่อมาในระหว่างที่ทุกคนกำลังถ่ายภาพรวมครอบครัวอยู่ มาโมรุเสนอตัวมาถ่ายรูปแทนให้ ทั้งคาโฮโกะและฮาจิเมะ ได้กล่าวให้ทั้งทามากิและมาโมรุกลับมาคบกันอีกครั้ง ซึ่งทั้งสองก็ได้จดทะเบียนสมรสในที่สุด นอกจากนี้สำหรับงานแต่งงานของคาโฮโกะ เขาได้แนะนำสถานที่จัดแต่งงานเป็นโบสถ์ในสถานสงเคราะห์ของฮาจิเมะ
[8] ในตอนพิเศษ ทามากิต้องการที่จะมีบุตรด้วยการอุ้มบุญ โดยในตอนแรกมาโมรุไม่เห็นด้วยแต่ภายหลังเขาปรับความเข้าใจได้ ท้ายที่สุดทั้งคู่เปลี่ยนใจเข้าร่วมการฝึกเพื่อให้ได้เป็น
ครอบครัวอุปถัมภ์[17]ตัวละครอื่น ๆ
- ทามตสึ คิตาโนะ แสดงโดย อายูมุ โยโกยามะ (ตอนที่ 7 - 10 และ ตอนพิเศษ)
เป็นเด็กในสถานพินิจแห่งหนึ่ง มีนิสัยก้าวร้าวและมักใช้คำไม่สุภาพ เขามักเรียนคาโฮโกะว่า "คาโฮโกะ" แบบห้วน ๆ ทามตสึได้หนีออกมาและเดินตามเคียวโกะมายังที่บ้านของเธอและอาศัยอยู่ช่วงหนึ่ง แต่มีอยู่วันหนึ่งเคียวโกะตัดสินใจที่จะส่งคืนมาโมรุที่เป็นตำรวจแต่คาโฮโกะตัดสินใจจะใช้ชั้นที่สองของบ้านของเธอเป็นสถานเลี้ยงเด็กแทน ทำให้ทามตสึได้อยู่กับเธอต่อ
[8][16] ในตอนพิเศษ แม่ของทามตสึได้มารับตัวเขากลับไป แต่ทามตสึไม่เต็มใจไป ตามคำพูดของฮาจิเมะซึ่งเติบโตมาจากสถานพินิจเหมือนทามตสึ เขากล่าวว่าเด็ก ๆ ที่นั่นมักจะไม่พูดความรู้คิดในใจหรือความอยากออกมา มีอยู่วันหนึ่ง คาโฮโกะได้ขอร้องให้แม่ของเขาฟังความคิดเห็นของทามตสึ ซึ่งเขาได้ขอคาโฮโกะกอดเขาเป็นครั้งแรก แต่เขาก็อยากที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับแม่ของเขาถึงแม้ว่าอาจจะถูกทิ้งอีกรอบ ฮาจิเมะบอกกับทามตสึให้พูดกับแม่ของเขาอย่างที่ใจคิด ทำให้แม่ของเขาปลาบปลื้มและใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข
[17]- มามิ คิตาโนะ แสดงโดย เอมิ คูราระ (ตอนพิเศษ)
เป็นแม่ของทามตสึที่ไม่ได้สนใจลูกชายของเธอ มามิมักไปเที่ยวกับผู้ชายอื่นอยู่เป็นประจำ และเมื่อถูกบอกเลิกก็จะกลับมารับทามตสึที่สถานพินิจและสถานเลี้ยงเด็กของคาโฮโกะกลับบ้านไป เธอได้พบกับคาโฮโกะและถูกขอร้องให้ฟังเสียงของทามตสึ ลูกชายของเธอ ซึ่งจากได้ฟังความคิดเห็นของเขาทำให้เธอรู้สึกถึงความเป็นแม่อีกครั้งและทั้งสองก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข
[17]- อิวาซากิ แสดงโดย ยูกะ ยานากิตานิ (ตอนที่ 8, 10 และ ตอนพิเศษ)
เป็นครูใหญ่ของสถานพินิจที่ฮาจิเมะเติบโตและทามตสึหนีออกมา
[17]